1.สโคกลันด์ ประเทศ เนเทอร์แลนด์
สโคกลันด์ (ดัตช์: Schokland) เป็นคาบสมุทรที่กลายเป็นเกาะในคริสต์ศตวรรษที่ 15 (พุทธศตวรรษที่ 20) สถานที่นี้เคยมีมนุษย์ไปตั้งถิ่นฐาน แต่ต่อมาก็ถูกทิ้งร้างไปเพราะน้ำทะเลท่วมขึ้นมา จึงต้องอพยพผู้คนออกในปี ค.ศ. 1859 (พ.ศ. 2402) แต่หลังจากระบายน้ำออกจากบริเวณเซยเดอร์เซ (Zuider Zee) ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1940 (ช่วง พ.ศ. 2483) พื้นที่นี้ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินซึ่งถมทะเลขึ้นมา สโคกลันด์มีร่องรอยของชุมชนมนุษย์ที่เก่าแก่ถึงสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้อย่างกล้าหาญและยาวนานของชาวดัตช์ที่จะเอาชนะน้ำซึ่งล้อมรอบเข้ามา
2.เบกีนาฌ ประเทศฝรั่งเศษ
เบกีนาฌซึ่งพบได้ในเขตฟลามส์ (ฟลานเดอส์) ทั้ง 13 แห่งในประเทศเบลเยียมได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปีค.ศ. 1998เบกีนาฌ (ฝรั่งเศส: béguinage) หรือ เบอไคน์โฮฟ (ดัตช์: begijnhof) เป็นบริเวณที่อยู่อาศัยร่วมกันขนาดเล็ก ๆ ของเหล่าฆราวาสหญิงที่เรียกว่า "เบกีน" (Béguine) ซึ่งเป็นสตรีผู้ประพฤติศีลอย่างเคร่งครัดในศาสนาคริสต์แต่มิใช่นักบวชแบบแม่ชี โดยเบกีนนั้นจะพบในเขตกลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำ โดยก่อตั้งราวคริสต์ศตวรรษที่ 13 โดยหมู่อาคารมักจะสร้างในสถาปัตยกรรมแบบเดียวกัน โดยมักห้อมล้อมด้วยสวนอยู่ตรงกลางหรืออยู่ใกล้โบสถ์ ในปัจจุบันนั้นไม่มีเหล่าเบกีนเหลืออยู่แล้วในทวีปยุโรป
3.ปารีส ประเทศ ฝรั่งเศษ
ปารีส (ฝรั่งเศส: Paris /paˈʁi/ ปารี) เป็นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน บริเวณตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส บนใจกลางแคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์ (Île-de-France หรือ Région parisienne (RP) ) ภายในกรุงปารีสมีประชากรประมาณ 2,167,994 คนเขตเมืองปารีส (Unité urbaine) ซึ่งมีพื้นที่ขยายเกินขอบเขตอำนาจการปกครองของเมืองนั้น มีประชากรกว่า 9.93 ล้านคน (พ.ศ. 2547) ในขณะที่เขตมหานครปารีส (Agglomération parisienne) มีประชากรเกือบ 12 ล้านคนและเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีประชากรสูงที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปยุโรป
จากการตั้งถิ่นฐานมากว่า 2 พันปี ปัจจุบันกรุงปารีสเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่ล้ำสมัยแห่งหนึ่งของโลก และด้วยอิทธิพลของการเมือง การศึกษา บันเทิง สื่อ แฟชั่น วิทยาศาสตร์และศิลปะ ทำให้กรุงปารีสเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศฝรั่งเศส ด้วยจำนวนเงินกว่า 500.8 ล้านล้านยูโร (628.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งมากกว่าหนึ่งส่วนสี่ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของประเทศฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2548 กรุงปารีสยังเป็นสถานที่ทำการของบริษัทยักษ์ใหญ่ 36 บริษัทจากบริษัทยักษ์ใหญ่ 500 บริษัทจากการสำรวจของฟอร์จูน โกลบัล 500 (Fortune Global 500) อีกด้วย โดยเฉพาะย่านธุรกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของทวีปยุโรป ลา เดฟองซ์ ทั้งยังเป็นที่จัดงานนิทรรศการต่างๆ ซึ่งรวมถึงสหประชาชาติ ฯลฯ ปารีสเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังแห่งหนึ่งในโลก โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 30 ล้านคนต่อปีกรุงปารีสเป็นหนึ่งใน 4 นครสำคัญของโลก อีกสามนครคือ ลอนดอน, โตเกียว และ นิวยอร์ก
4.พระราชวังฟงแตนโบล ประเทศฝรั่งเศษ
“พระราชวังฟงแตนโบล” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1981พระราชวังฟงแตนโบล (อังกฤษ: Palace of Fontainebleau, ฝรั่งเศส: Château de Fontainebleau) เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่ราว 55 กิโลเมตรจากศูนย์กลางของกรุงปารีสในประเทศฝรั่งเศส ที่เป็นพระราชวังหลวงที่ใหญ่ที่สุดพระราชวังหนึ่งของฝรั่งเศส สิ่งก่อสร้างที่เห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นงานที่สร้างขึ้นและต่อเติมเปลี่ยนแปลงโดยพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสหลายพระองค์ ส่วนที่ก่อสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เป็นส่วนที่สร้างโดยพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1
5.พระราชวังและอุทยานแห่งพ็อทซ์ดัมและเบอร์ลิน ประเทศ เยอรมัน
พระราชวังและอุทยานแห่งพ็อทซ์ดัมและเบอร์ลิน (อังกฤษ: Potsdam and Berlin Palaces and Parks) หมายถึงกลุ่มวังและสวนภูมิทัศน์ที่ตั้งอยู่ในเมืองพ็อทซ์ดัมและเบอร์ลินในประเทศเยอรมนีที่ไดัรับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปีค.ศ. 1990 ในฐานะมรดกทางวัฒนธรรม เพราะความมีคุณค่าในความกลมกลืนของภูมิทัศน์ทางประวัติศาสตร์—และเป็นตัวอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของการออกแบบภูมิทัศน์ภายในบริบทของปรัชญาของความเป็นรัฐของปรัสเซีย
ในมรดกโลกของเยอรมนี กลุ่มวังและอุทยานแห่งพ็อทซ์ดัมและเบอร์ลินนี้ มีพระราชวัง, วัง และ อุทยานแห่งเมืองพ็อทซ์ดัมโดยเฉพาะในส่วนของพระราชวังซ็องซูซี เป็นสถาปัตยกรรมเด่นของกลุ่ม
6. บัมแบร์ค ประเทศ เยอรมัน
บัมแบร์ค[1] (เยอรมัน: Bamberg) เป็นเมืองในแคว้นบาวาเรียในประเทศเยอรมนีที่ตั้งอยู่ในอัปเปอร์ฟรังโกเนียบนฝั่งแม่น้ำเรกนิทซ์ไม่ไกลจากจุดที่บรรจบกับแม่น้ำไมน์ บัมแบร์คเป็นเมืองเพียงไม่กี่เมืองในประเทศเยอรมนีที่มิได้ถูกทำลายโดยลูกระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2 บัมแบร์คเป็นที่พำนักของชาวต่างประเทศเกือบ 7,000 คนรวมทั้งกว่า 4,100 คนที่เป็นทหารจากสหรัฐอเมริกา ชื่อเมือง “บัมแบร์ค” เชื่อว่ามีที่มาจากตระกูลบาเบนแบร์ก
7. สโตนเฮนจ์ ประเทศ สหราชอณาจักร
สโตนเฮนจ์ (อังกฤษ: Stonehenge) เป็นอนุสรณ์สถาน ยุคก่อนประวัติศาสตร์ กลางทุ่งราบกว้างใหญ่บนที่ราบซอลส์บูรี่ (Salisbury Plain) ในบริเวณตอนใต้ของเกาะอังกฤษ ตัวอนุสรณ์สถานประกอบด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 112 ก้อน ตั้งเรียงกันเป็นวงกลมซ้อนกัน 3 วง แท่งหินบางอันตั้งขึ้น บางอันวางนอนลง และบางอันก็ถูกวางซ้อนกัน
นักโบราณคดีเชื่อว่ากลุ่มกองหินนี้ถูกสร้างขึ้นจากที่ไหนสักแห่งเมื่อประมาณ 3000–2000 ปีก่อนคริสตกาล กล่าวคือ การหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสีเมื่อ พ.ศ. 2551 เผยให้เห็นว่าหินก้อนแรกถูกวางตั้งเมื่อประมาณ 2400–2200 ปีก่อนคริสตกาล[1] ในขณะที่ทฤษฎีอื่น ๆ ระบุว่ากลุ่มหินที่ถูกวางตั้งมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นถึง 3000 ปีก่อนคริสตกาล[2][3][4]
นักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ต่างสงสัยว่า คนในสมัยก่อนสามารถยกแท่งหินที่มีน้ำหนักกว่า 30 ตัน ขึ้นไปวางเรียงกันได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ปราศจากเครื่องทุ่นแรงอย่างที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน และบริเวณที่ราบดังกล่าวไม่มีก้อนหินขนาดมหึมานี้ ดังนั้นจึงสันนิษฐานว่าผู้สร้างต้องทำการชักลากแท่งหินยักษ์ทั้งหมดมาจากที่อื่น ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจาก "ทุ่งมาร์ลโบโร" ที่อยู่ไกลออกไปประมาณ 40 กิโลเมตร
8.หอคอยแห่งลอนดอน ประเทศ สหราชอณาจักร
หอคอยแห่งลอนดอนมักจะรู้จักกันในการเกี่ยวข้องกับหอขาว (White Tower) ซึ่งแต่เดิมเป็นหอสีขาวที่สร้างโดยพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษในปี ค.ศ. 1078 แต่กลุ่มสิ่งก่อสร้างทั้งหมดของหอคอยแห่งลอนดอนตั้งอยู่รอบวงแหวนสองวงภายในกำแพงและคูป้องกันปราสาท
ตัวหอคอยใช้เป็นป้อม พระราชวังของพระมหากษัตริย์ และที่จำขังโดยเฉพาะสำหรับนักโทษที่มียศศักดิ์สูงเช่นพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1ก็เคยทรงถูกจำขังในหอคอยโดยพระราชินีนาถแมรี และยังเป็นที่สำหรับประหารชีวิตและทรมาน คลังเก็บอาวุธ ท้องพระคลัง สวนสัตว์ โรงกษาปณ์หลวง หอเก็บเอกสาร หอดูดาว และตั้งแต่ปี ค.ศ. 1303 เป็นที่เก็บรักษามงกุฏและเครื่องราชาภิเษกของสหราชอาณาจักร
9.พระราชวังเชินบรุนน์ ประเทศ ออสเตรีย
พระราชวังเชินบรุนน์ (เยอรมัน: Schloss Schönbrunn) ตั้งอยู่ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในอดีตเป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 18 จนถึง พ.ศ. 2461 ออกแบบโดย Johann Bernhard Fischer von Erlach และ Nicolaus Pacassi เป็นสถานที่รวบรวมผลงานทางศิลปะการตกแต่งชั้นเยี่ยมจำนวนมาก ภายในอุทยานเคยเป็นที่ตั้งของสวนสัตว์แห่งแรกของโลกเมื่อ พ.ศ. 2295 ปัจจุบันได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากในกรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย
10.กราซ ประเทศออสเตรีย
กราซ (Graz) เป็นเมืองในประเทศออสเตรีย จากข้อมูลปี ค.ศ. 2009 มีประชากรอยู่ 291,574 คน ถือเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรียเป็นอันดับ 2 รองจากเมืองเวียนนา และยังเป็นเมืองหลวงของรัฐสติเรีย
กราซถือเป็นเมืองการศึกษามายาวนาน มีมหาวิทยาลัย 6 แห่ง มีจำนวนนักศึกษามากกว่า 44,000 คน ในปี 1999 ยูเนสโกยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และเมืองยังได้รับเลือกจากสหภาพยุโรปให้เป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรปในปี 2003
อินดี้ ผิวเกลี้ยง เลขที่ 11
ปัญชญา ศรีสาส์นกุล เลขที่ 7
วุฒา เภาวิเศษ เลขที่ 10
Comments
Post a Comment